รีวิวหนัง Black Adam (2022) แบล็ก อดัม
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Black Adam (2022) แบล็ก อดัม
ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
ผู้กำกับ: เจาเม โกเยต-เซร์ร่า
นำแสดงโดย: ดเวย์น จอห์นสัน, ซาร่าห์ ชาฮิ, เพียร์ซ บรอสแนน
ความยาว: 124 นาที
กำหนดฉายในไทย: 20 ตุลาคม 2022
เรื่องย่อ
ดูหนังออนไลน์ฟรี Black Adam (2022) แบล็ก อดัม เดิมคือ เทธ อดัม (Teth Adam) บอกเล่าเรื่องราวที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อราว 5,000 ปีก่อน และได้รับพรจากเหล่าพ่อมดให้เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษและแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เพียงแค่กล่าวคำว่า "Shazam" (อักษรย่อของหกทวยเทพ) นับจากนั้นก็เปรียบเสมือนเขามีพลังของพระเจ้า ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถโค่นล้มลงได้ แต่แล้ว เทธ อดัม กลับเลือกใช้พลังนั้นในการแก้แค้นและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแทน ทำให้ถูกคุมขังจนเวลาผ่านไปนาน 5,000 ปี จึงถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อท้าทายกับเหล่าฮีโร่ยุคใหม่ที่ถูกเรียกว่า "เดอะจัสติส โซไซตี้" (The Justice Society)
อดัมรู้สึกไม่คู่ควรที่จะเป็นฮีโร่ตัวจริง จึงยอมแพ้ และ Justice Society ก็พาเขาไปยังไซต์ลับใต้น้ำของ Task Force Xในแอนตาร์กติกาซึ่งเอมีเลีย ฮาร์คอร์ตก็ทำให้เขาอยู่ในสภาวะนิ่ง โชคชะตาได้ทำนายการตายของฮอว์กแมนอีกครั้ง Justice Society ตระหนักว่าอิชมาเอลหลอกให้อดัมฆ่าเขาเพื่อจะได้กลับมาเกิดใหม่เป็นซับบัค แชมเปี้ยนแห่งปีศาจหกตน เมื่อซับบัคเรียกกองทัพนรกมาสร้างความหวาดกลัวแก่คานดาค Justice Society ก็พยายามหยุดซับบัค แต่ไม่สำเร็จ โชคชะตาเชื่อว่าการตายของฮอว์กแมนสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการเสียสละของเขา และต่อสู้กับซับบัคเพียงลำพัง โชคชะตาใช้การฉายภาพทางจิตเพื่อปลดปล่อยอดัมก่อนที่เขาจะถูกซับบัคฆ่า
ในขณะเดียวกัน อามอน เอเดรียนนา และคาริมก็รวบรวมผู้คนเพื่อต่อสู้กับกองทัพแห่งนรก ซาบแบคเอาชนะฮอว์กแมนได้ แต่อดัมมาทันเวลาเพื่อฆ่าซาบแบค ทำให้กองทัพแห่งนรกหายไป สมาคมยุติธรรมออกเดินทางด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับอดัม ผู้ทำลายบัลลังก์เก่าโดยเชื่อว่าคานดาคต้องการผู้ปกป้อง ไม่ใช่ผู้ปกครอง เขาใช้ชื่อใหม่ว่า แบล็กอดัม
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์
นี่เป็นเหมือนโครงการหนังในฝันของเดอะร็อกเลยก็ว่าได้ เพราะในเรื่องนี้ที่พยายามปลุกปั้นและเข็นขึ้นมาให้กลายความเป็นจริง ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษทีเดียว และเดอะร็อกเองก็มีส่วนร่วมในหลาย ๆ องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ ที่มันก็สัมผัสได้และแสดงออกมาเป็นภาพที่ได้เห็นอยู่ใน 2 ชั่วโมงเต็มของหนังฮีโร่เรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานของหนังดีซีก็ยังคงจอดอยู่ในบรรทัดฐานเกือบจะเท่าเดิม เพราะหนังเรื่องนี้นั้นยังไม่ได้ให้ความแตกต่างอะไรได้มากเท่าไหร่
ด้วยความที่ครั้งนี้ เดอะร็อก ได้กลับมาทำงานร่วมกับผู้กำกับ "เจาเม โกเยต-เซร์ร่า" ที่พวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จากหนังเรื่องที่แล้วอย่าง "Jungle Cruise" นี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดดีที่ทำให้ความเข้าขาของผู้กำกับกับนักแสดงไม่มีปัญหาอะไร มันสามารถลื่นไหลไปได้ด้วยตัวของมันเองกับความสัมพันธ์อันดี ไม่ว่าผู้กำกับอยากได้อะไร นักแสดงอยากได้แบบนั้น ก็นำมาปรึกษาและคุยกันออกมาในแต่ละช็อต ๆ ที่เราจะเห็นถึงความเป็นตัวเองของผู้กำกับกับดารานำในหนังเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ
และไม่ใช่แค่เพียงเดอะร็อกเท่านั้น เจาเม โกเยต-เซร์ร่า ก็ยังหยิบจับสร้างหนังฮีโร่สเกลใหญ่ ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกในอาชีพสร้างหนังของเขาอีกด้วยเช่นกัน แต่ถือว่าเขาก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ในตัวได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว จากงานสร้างหนังแนวแอคชั่นทริลเลอร์ของ เลียม นีสัน หลายเรื่องเอาไว้ในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ลีลาขึงขังเหล่านั้นก็ถูกหยิบเอามาใช้ประปรายอยู่ในเรื่อง ทำให้เป็นหนังดีซีที่เหมือนจะโทนไม่ได้หม่นที่สุด แต่ก็ไม่ได้เบาโหวงที่สุดเช่นกัน
เห็นรายชื่อทีมเขียนบทของ Black Adam ก็ต้องร้องอุทานเบา ๆ เพราะเรียกได้ว่าระดมทีมกันไม่น้อย คว้าตัวมาได้ถึง 5 คน ซึ่งเราก็ได้เห็นถึงองค์ประกอบและโครงสร้างที่พยายามทำให้ซับซ้อนในส่วนของบท แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จได้ที่สุดสักเท่าไหร่นัก คือบทก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ได้ดี เพราะแต่ละส่วนของหนังยังรู้สึกค่อนข้างแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ได้อยู่บ้าง การเกลี่ยเนื้อเรื่องให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันของหนังนั้น ยังไม่กลมกล่อมสักเท่าไหร่ เห็นตะเข็บและรอยต่อโผล่ออกมาบ้าง
Black Adam ก็จัดได้ว่ายังเป็นสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของหนังดีซี ที่ขยันใส่และระดมยิงเทคนิคซีจีเข้ามาแบบกระจุยกระจาย ถึงกับต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่ารู้สึกแอบเลี่ยนอยู่เหมือนกัน ซีจีของหนังไม่ได้แย่อะไรหรอก แต่ด้วยความที่มันใส่มาเยอะแยะเหมือนงบเยอะเหลือเกิน กลับรู้สึกเป็นส่วนบั่นทอนจังหวะของหนังเป็นครั้งคราว จากหนังฮีโร่เกือบจะกลายเป็นหนังลิเกโรงใหญ่ไปแทน เพราะฉากซีจีล้ำ ๆ ใส่เข้ามาให้แบบจุก ๆ ล้น ๆ
ทางด้านการแสดงก็แทบจะไม่ต้องพูดอะไรมากเลย เดอะร็อก ก็คือ เดอะร็อก เพราะบทนี้เป็นบทที่เขาภาคภูมิใจ ศึกษาและทำการบ้านมาอย่างยาวนาน เป็นบทที่เขาแทบจะไม่ปล่อยมันไปให้ใครเลย และเขาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเล่นบทนี้ จึงทำให้ความเป็นแบล็ก อดัมแทบจะแทรกซึมเข้าไปในอินเนอร์ของเขาไปแล้ว ความเเก่ง ความโหด ความปัง อะไรต่าง ๆ ที่เขาแสดงออกมา ดูเข้าถึงบทบาทอย่างเป็นมืออาชีพและเห็นชัด ๆ เลยว่าปูพื้นฐานมาดี
เพียงแค่น่าเสียดายเล็กน้อย เพราะความเบอร์ใหญ่ของเดอะร็อก ก็เป็นดาบสองคมอยู่เหมือนกัน เพราะออร่าเปล่าปลั่งของเขาก็เกือบจะกลบรัศมีของนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ไปหมด โดยเฉพาะตัวละครมนุษย์ อย่าง "ซาราห์ ชาฮิ" หรือ "มาร์เวน เคนซาริ" ใส่เข้ามาเหมือนกับตัวประกอบ ทั้งที่พวกเขาเองก็มีบทบาทและโดดเด่นในหนังอยู่เช่นกัน
เอาเป็นว่า Black Adam ที่ถือว่าเป็นการกลับสานต่อเส้นเรื่องของจักรวาลหนังดีซีอีกครั้งหนึ่ง ก็ถือว่าให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามมาตรฐานเดิม ๆ ของหนังดีซีที่เคยเห็นกันมา หนังยังไม่ได้ยกระดับหรือสร้างความแปลกใหม่อะไรให้สักเท่าไหร่
แต่กระนั้นก็มีทีมแคสติ้งนักแสดงชุดใหญ่ที่แท็กทีมกันอย่างทุ่มเท ช่วยพยุงให้หนังเรื่องนี้ดูทรงพลังขึ้นเยอะ ทั้งที่หนังยังมีจุดบกพร่องต่าง ๆ อยู่เต็มไปหมด ทั้งบทที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ การตัดต่อและลำดับภาพที่ประหลาดดีในบางซีน แต่ท้ายที่สุดนี่ก็น่าจะเป็นการวนอยู่ในเซฟโซนอีกครั้งของดีซี แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้อีก ดูหนังฟรี24.com
#ดูหนังออนไลน์ฟรี #BlackAdam #แบล็กอดัม
กลับด้านบน